
ในฐานะทันตแพทย์ สิ่งหนึ่งที่อยากสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคือ ความสำคัญของ "ฟันน้ำนม" ซึ่งไม่ใช่แค่ฟันชุดแรกที่เดี๋ยวก็หลุดไป แต่เป็นรากฐานที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพช่องปาก พัฒนาการ และรอยยิ้มที่มั่นใจของลูกไปจนโต
การดูแลฟันของลูกอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรกเกิดจะช่วยป้องกันปัญหามากมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
ความสำคัญของฟันน้ำนม ที่มากกว่าแค่การบดเคี้ยว
การละเลยฟันน้ำนมเพราะคิดว่าเป็นฟันชุดชั่วคราว อาจส่งผลกระทบต่อลูกได้มากกว่าที่คิด
- อาการปวดและการติดเชื้อ ฟันน้ำนมที่ผุสามารถทำให้ลูกปวดรุนแรง ทานอาหารไม่ได้ และการติดเชื้ออาจลุกลามจนส่งผลต่อหน่อฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้
- ส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ ฟันน้ำนมทำหน้าที่สำคัญในการกันที่ว่างไว้ให้ฟันแท้ หากฟันน้ำนมถูกถอนไปก่อนเวลาอันควร อาจทำให้ฟันข้างเคียงล้มและฟันแท้ขึ้นมาซ้อนเกได้
- มีผลต่อพัฒนาการด้านการพูด ฟันหน้ามีส่วนสำคัญในการออกเสียงพยัญชนะบางตัว หากสูญเสียไปก่อนวัยอาจทำให้ลูกพูดไม่ชัด
- เกี่ยวข้องกับโภชนาการและการเจริญเติบโต เมื่อลูกปวดฟันหรือเคี้ยวอาหารลำบาก อาจทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อพัฒนาการของร่างกาย
- สร้างนิสัยการดูแลช่องปากที่ดี การปลูกฝังให้ลูกคุ้นเคยกับการดูแลฟันตั้งแต่เล็ก จะช่วยสร้างทัศนคติและนิสัยที่ดีในการดูแลตนเองไปตลอดชีวิต

วิธีดูแลฟันลูกน้อยในแต่ละช่วงวัย
การดูแลสุขภาพฟันของลูกน้อยไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใส่ใจในแต่ละช่วงวัยอย่างเหมาะสม
- ตั้งแต่แรกเกิด – ก่อนฟันขึ้น ควรใช้ผ้าสะอาดนุ่มๆ ชุบน้ำต้มสุก เช็ดทำความสะอาดสันเหงือก ลิ้น และกระพุ้งแก้มให้ลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดคราบนมและสร้างความคุ้นเคย
- เมื่อฟันซี่แรกขึ้น (ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป) ให้เริ่มใช้แปรงสีฟันสำหรับทารกที่มีขนแปรงนุ่มและหัวแปรงขนาดเล็ก ร่วมกับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณเพียง "หนึ่งชั้นบางๆ" หรือเท่า "เมล็ดข้าวสาร" แปรงให้ลูกอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งคือเช้าและก่อนนอน
- ช่วงวัย 3-6 ปี ปริมาณยาสีฟันที่ใช้สามารถเพิ่มขึ้นได้เท่า "เมล็ดถั่วเขียว" ในวัยนี้คุณพ่อคุณแม่ยังคงต้องเป็นผู้แปรงฟันให้ลูกเป็นหลัก และอาจเริ่มให้ลูกฝึกแปรงเองโดยมีผู้ปกครองคอยดูแลและแปรงซ้ำอีกครั้งเสมอ
- ช่วงวัย 6 ปีขึ้นไป เมื่อลูกสามารถควบคุมการกลืนและบ้วนน้ำได้ดีแล้ว จึงสามารถแปรงฟันได้ด้วยตนเอง แต่คุณพ่อคุณแม่ยังควรตรวจเช็กความสะอาดอีกครั้งจนกว่าจะมั่นใจว่าลูกแปรงได้สะอาดทั่วถึง
- เมื่อฟันเริ่มขึ้นชิดกัน ให้เริ่มใช้ไหมขัดฟันสำหรับเด็ก เพื่อทำความสะอาดซอกฟันที่แปรงเข้าไม่ถึง
- ควบคุมอาหารและเครื่องดื่ม ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกนอนหลับคาขวดนมหรือน้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ฟันแช่อยู่ในน้ำตาลตลอดคืน เสี่ยงต่อภาวะฟันผุจากขวดนมอย่างรุนแรง และควรจำกัดขนมหวานหรือน้ำหวานให้เป็นมื้อๆ
พบทันตแพทย์เด็กครั้งแรกเมื่อไหร่ดี?
สมาคมทันตแพทย์สำหรับเด็กแนะนำให้พาลูกไปพบทันตแพทย์เด็กครั้งแรก ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินอายุ 1 ขวบ เพื่อให้ทันตแพทย์ได้ประเมินความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ ให้คำแนะนำการดูแลที่ถูกต้องกับผู้ปกครอง และสร้างความคุ้นเคยที่ดีให้แก่เด็ก
บทสรุป
การลงทุนดูแลสุขภาพฟันน้ำนมของลูก คือการวางรากฐานที่มั่นคงที่สุดเพื่อสุขภาพที่ดีและรอยยิ้มที่สดใสของเขาในอนาคต หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม การพาลูกน้อยไปพบทันตแพทย์เด็กเพื่อตรวจและรับคำปรึกษา คือสิ่งที่ดีที่สุดครับ